fbpx

ศูนย์เรียนรู้ฟาร์มเห็ดเป็นยา

มี 59 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

ลงชื่อเข้าใช้ - สมัครสมาชิก

สถิติผู้เข้าชม

Today30
Yesterday52
This week30
This month1790
Total124873

Visitor Info

  • IP: 18.188.176.130
  • Browser: Unknown
  • Browser Version:
  • Operating System: Unknown

2568-04-28

 

หลักสูตรการเพาะเห็ด

 

เปิดแล้ว การอบรมเพาะเห็ด ของปี 2568

 

 1. หลักสูตร การเพาะเห็ดถั่งเช่าสีทอง รุ่น80

อบรม 2 วัน วันที่

ค่าอบรม 2,990 บาท(รวมVat)

 

2. หลักสูตร การเพาะเห็ดเป็นยา รุ่น24

อบรม 2 วัน วันที่

 ค่าอบรม 3,990 บาท(รวมVat)

 

ลงทะเบียนเข้าอบรม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Download หนังสือเห็ดเป็นยาเพื่อสุขภาพ  ที่มา http://indi.dtam.moph.go.th

Download หนังสือเห็ดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ  ที่มา http://indi.dtam.moph.go.th

Download พฤกษาเคมีเห็ดหอม ที่มา http://indi.dtam.moph.go.th

Download พฤกษาเคมี เห็ดหลินจือ ที่มา http://indi.dtam.moph.go.th

 

 

 

 

การจัดส่งสินค้า

อัตราค่าบริการขนส่งนั้นคิด "ตามน้ำหนักของสินค้าจริง"

โดยยึดอัตราค่าขนส่งเท่ากับบริษัทไปรษณีไทยส่งแบบด่วนพิเศษ ( EMS )

เห็ดเป็นยา (Medicinal Mushroom)

1. เห็ดนางรม

เห็ดนางรม Pleurotus ostreatus

สารสำคัญ (Medicinal compound) Pleuran(polysaccharides) lovastatin , liquoriec

สรรพคุณ (Medicinal properties)

 

ลดกรดไขมันชนิดเลวในเลือด ยับยั้งเซลมะเร็ง ต่อต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ แก้ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ

ขนาดที่ใช้ 1-2 กรัม/วัน สำหรับสารสกัดโพลิแช็คคาไรด์ หรือ 2-3 กรัม/วัน สำหรับสารสกัดจากเส้นใย เพื่อบำรุงร่างกาย

 10 - 15 กรัม/วัน สำหรับดอกเห็ดแห้งเพื่อควบคุมคลอเรสเตอรอล

 

 

 2.เห็ดขอนขาวหรือขอนดำ Lentinus squarrosulus(Mont.)

สารสำคัญ (Medicinal compound) Triterpenoids, ß-D-glucan,lentinan

สรรพคุณ (Medicinal properties)

ลดกรดไขมันในเลือด ยับยั้งเซลมะเร็ง รักษาโรคกระเพาะเป็นแผล ต่อต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ แผลอักเสบ

3.เห็ดแครง Schizophyllum commune Fr

สารสำคัญ (Medicinal compound) polysaccharide ชื่อว่า Schizophyllan (1,3 B-glucan)

สรรพคุณ (Medicinal properties)

 

ใช้ในต่อต้านเชื้อไวรัส และยับยั้งเซลมะเร็งชนิด Sarcoma 180 และ Sarcoma 37 ยับยังการเจริญเติบโตของเนื้องอก

4.เห็ดหูหนูขาว

บำรุงน้ำอสุจิ ไต ตับ ร้อนใน ปอด หลั่งน้ำลาย ย่อยอาหารและบำรุงกระเพาะ หยุดอาการไอ ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ระบบเลือด หัวใจ และบำรุงสมอง

หลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการไอ ขับเสมหะและโรคหอบหืด อาการไอแห้ง ๆ แผลเรื้อรังในปอด หลอดลม ช่วยการระบาย รักษาโรคบิด ยับยั้งเซลล์มะเร็ง

5.เห็ดหลินจือ Ganoderma lucidum

สารสำคัญ (Medicinal compound) Polysaccharides triterpenoids sterols

สรรพคุณ (Medicinal properties)

 

บำรุงร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง รักษาโรคหัวใจ และช่วยให้นอนหลับ

 

กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อต้านเนื้องอกและมะเร็ง ป้องกันเส้นปราสาทเสื่อม ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด ต้านการอักเสบ

6.เห็ดหอมหรือเห็ดชิตาเก๊ะ Lentinus edodes

สารสำคัญ (Medicinal compound) Eritadenine, nucleic acid, lentinan(polysaccharides),triterpene

สรรพคุณ (Medicinal properties)

 

ลดกรดไขมัน ป้องกันและยับยั้งเซลมะเร็ง ควบคุมเบาหวาน

อัตราการใช้ 2-6 กรัม/วัน สำหรับสารสกัดโพลีแช็คคาไรด์ ใช้ในการเสริมภูมิคุ้มกัน

ใช้ 9 กรัม/วัน สำหรับดอกแห้ง เพื่อควบคุมโคเลสเตอรอล

 

 7.เห็ดหัวลิง หรือภู่มาลา Hericium erinaceus

สารสำคัญ (Medicinal compound) Threitol , D-arabinitol, palmatic acid, ß-D-glucan, triterpene

สรรพคุณ (Medicinal properties)

 

กำจัดอนุมูลอิสระ ควบคุมกรดไขมันในเส้นเลือดให้ปกติ ควบคุมปริมาณน้ำตาลกลูโคสในเลือด รักษามะเร็งกระเพาะและลำใส้ สร้างและบำรุงเซลสมองและประสาท

อัตราการใช้ 3-5 กรัม/วัน สำหรับสารสกัด

 8.เห็ดกระถินพิมาน Phellinus linteus

สารสำคัญ (Medicinal compound) Polysaccaharies (1,6-heteroglycan, galactomannoglucan), natural steroids, triterpene

สรรพคุณ (Medicinal properties)

 

ใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด (เช่น มะเร็งตับ ปอด มดลูก ต่อมลูกหมาก) เบาหวาน สร้างเม็ดเลือด แผลผุพอง ภูมิแพ้ ไข้หวัดใหญ่ แผลผื่นคัน ไขข้ออักเสบ โรครูมาตอย

อัตราการใช้ 10 - 30 กรัม/วัน สำหรับเห็ดแห้ง หรือ 2-3 กรัม/วันสำหรับสารสกัดโพลีแช็คคาไรด์

 

9.เห็ดกระดุมบราซิล Agaricus blazei
สารสำคัญ (Medicinal compound)
Polysaccharides (ß-glucan)
natural steroids, triterpene

สรรพคุณ (Medicinal properties)

ใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด (เช่น มะเร็งลำใส้ ปากมดลูก ปอด ต่อมลูกหมาก ผิวหนัง ตับ ผิวหนัง) เบาหวาน สร้างเม็ดเลือด แผลผุพอง ภูมิแพ้

อัตราการใช้ 3 กรัม/วัน สำหรับสารสกัดโพลีแช็คคาไรด์

 

10.เห็ดขอนช้อนหรือเห็ดไมตาเก๊ะ Grifola frondosa
สารสำคัญ (Medicinal compound)
Polysaccharide Krestin (PSK),
Grifolan(1-3) ß-glucan 

สรรพคุณ (Medicinal properties)

ต่อต้านเซลมะเร็งต่อมลูกหมาก ต่อต้านเชื้อราและไวรัสเชื้อเอดส์

อัตราการใช้ 4 - 6 กรัม/วัน สำหรับสารสกัด

11.เห็ดหางไก่งวง Turkey Tail
สารสำคัญ (Medicinal compound)
Polysaccharides
Eritadenine
PSK
lentinan 

สรรพคุณ (Medicinal properties)

ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อต้านมะเร็งปอด ลดไขมันชนิดเล็ว (LDL) และต่อท้านเชื้อไวรัส  ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง
ใช้บำบัดรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร  หลอดอาหาร ลำไส้ใหญ่  เต้านม และมะเร็งปอด

อัตราการใช้ 3 - 6 กรัม/วัน สารสกัดโพลีแช็คคาไรด์ใช้ในการรักษามะเร็ง

ใช้  1 -  2 กรัม/วัน ใช้ในการเสริมภูมิคุ้มกัน

12.เห็ดเยื่อไผ่หรือเห็ดร่างแห
Dictyophora indusiata
สารสำคัญ (Medicinal compound)
T-5-N(ß-1-3,1-6,-D-Glucan)
Dictyophorine A and B,
Quinazoline , Polyphenol

สรรพคุณ (Medicinal properties)

ลดความดันโลหิต ช่วยโรคเกาต์ โรครูมาติซึม ลดคอเลสเตอรอล ลดความอ้วน ต่อต้านมะเร็ง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยกระตุ้นและสร้างเซลระบบประสาทและสมอง ในเมือกมีสารอัลลันโทอิน กรดไกลโคลิก กรดไฮยาลูรอนิค นำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้

 

 13.เห็ดถั่งเช่าสีทอง Cordyceps militaris

สารสำคัญ (Medicinal compound) N-(2-hydroxyethyl) –adenosine Cordycepin, 3-deoxyadenosine ,adennosine ,Ergosterol polysaccharides glycoprotein and peptides

สรรพคุณ (Medicinal properties)

 

ช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังให้กับร่างกาย เสริมสร้างภูมิต้านทานต่อเซลมะเร็ง กำจัดอนุมูลอิสระ รักษาแผลหนอง ยับยั้งแบคทีเรียสาเหตุโรค ควบคุมกรดไขมันและน้ำตาลในเลือด  บำรุงเซลประสาท บำรุงเลือด  โรคภูมิแพ้ หอบหืด บำรุงไต บำรุงปอด เป็นยาอายุวัฒนะ

 

....................................................................................................................................................................................

 

งานวิจัยด้านเห็ด

 

 

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


ถั่งเช่า ช่วยเพิ่มสมรรถภาพ จริงหรือ?


รองศาสตราจารย์ ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์
และ ธิดารัตน์ จันทร์ดอน
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
       
ณ วันนี้คงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยิน คำว่า “ถั่งเช่า” หรือ “ถั่งเฉ้า” สมุนไพรที่อ้างกันว่าช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ จริง ๆ แล้ว “ถั่งเช่า” คืออะไร มีสรรพคุณตามคำกล่าวอ้างเหล่านั้นหรือไม่? บทความนี้มีคำตอบ
“ถั่งเช่า” หรือที่รู้จักกันว่า “ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย” หรือ ตังถั่งเช่า หรือ ตังถั่งแห่เช่า แปลเป็นไทยว่า “ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า” หรือที่เรียกกันว่า “หญ้าหนอน” ทั้งนี้เพราะว่า ยาสมุนไพรชนิดนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นตัวหนอน คือ ตัวหนอนของผีเสื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hepialus armoricanus Oberthiir และบนตัวหนอนมีเห็ดชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. หนอนชนิดนี้ในฤดูหนาวจะฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินภูเขาหิมะ เมื่อน้ำแข็งเริ่มละลาย สปอร์เห็ดจะพัดไปกับน้ำแข็งที่ละลาย แล้วไปตกที่พื้นดิน จากนั้นตัวหนอนเหล่านี้ก็จะกินสปอร์ และเมื่อฤดูร้อนสปอร์ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใยโดยอาศัยการดูดสารอาหารและแร่ธาตุจากตัวหนอนนั้น เส้นใยงอกออกจากท้องของตัวหนอน และงอกออกจากปากของมัน เห็ดเหล่านี้ต้องการแสงอาทิตย์มันจึงงอกขึ้นสู่พื้นดิน รูปลักษณะภายนอกคล้ายไม้กระบอก ส่วนตัวหนอนเองก็จะค่อย ๆ ตายไป อยู่ในลักษณะของหนอนตายซาก ฉะนั้น “ถั่งเช่า” ที่ใช้ทำเป็นยาก็คือ ตัวหนอนและเห็ดที่แห้งแล้วนั่นเอง



ถั่งเช่าพบได้ในแถบทุ่งหญ้าบนภูเขาประเทศจีน (ธิเบต) เนปาล และภูฏาน ระดับความสูง 10,000-12,000 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เพาะในบริเวณภาคใต้ในมณฑลชิงไห่ เขตซางโตวในธิเบต มณฑลเสฉวน ยูนนาน และกุ้ยโจว การเก็บถั่งเช่าจะเก็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เมื่อขุดตัวหนอนขึ้นจากดินแล้ว ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตากแห้ง การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่แห้ง
“ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณที่ใช้กันแพร่หลายในประเทศจีนในเรื่องของกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ และใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงอวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ และไต เป็นต้น
องค์ประกอบทางเคมีของถั่งเช่า
ถั่งเช่าอุดมไปด้วยสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ โพลีแซคคาไรด์ (galactomannan), นิวคลีโอไทด์ (adenosine, cordycepin), cordycepic acid, กรดอะมิโน และสเตอรอล (ergosterol, beta-sitosterol) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น โปรตีน วิตามินต่างๆ ( Vit E, K, B1, B2 และ B12) และแร่ธาตุต่าง ๆ (โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และซิลิเนียม) เป็นต้น
รายงานการวิจัยในคน
ถึงแม้ว่า “ถั่งเช่า” มีการใช้อย่างแพร่หลายและมีราคาสูง แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาในคนอย่างเป็นระบบมีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นกรณีศึกษาเท่านั้น ตัวอย่างเช่น
  • กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ พบว่าการวิจัยในผู้ชาย 22 คน ใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม พบว่าช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33% และมีผลลดปริมาณของสเปิร์มที่ผิดปกติลง 29% และมีอีกกรณีศึกษาในผู้ป่วยทั้งชายและหญิง 189 คน ที่มีความต้องการทางเพศลดลง พบว่าถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น 66% นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยสนับสนุนว่าการรับประทานถั่งเช่าจะช่วยปกป้องและช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากต่อมไทมัส และจำนวนของสเปิร์มที่สามารถปฏิสนธิได้เพิ่มขึ้น 300 % และช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศของผู้หญิงได้ 86%
  • กรณีศึกษาฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยทำการศึกษาในผู้ชาย 5 คน (อายุเฉลี่ย 35 ปี) ที่ถุงลมถูกกระตุ้นให้อักเสบด้วย lipopolysaccharide (LPS) พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น interlukin-1beta (IL-1beta), interlukin-6 (IL-6), interleukin-8 (IL-8), interleukin-10 (IL-10) และ tumor necrosis factor-alpha (TNF-alpha) ได้ จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น
  • กรณีศึกษาฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยการให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3 กรัม/วัน พบว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 95% ในขณะที่กลุ่มที่รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เพียง 54%
  • กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการฟื้นฟูระบบการทำงานของไต โดยให้ผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3-5 กรัม/วัน พบว่าถั่งเช่าทำให้การทำงานของไตมีประสิทธิภาพดีขึ้น และพบว่าหลังจากให้ผู้ป่วยรับประทานถั่งเช่าต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะไตวาย ได้แก่ ลดความดันโลหิต ลดระดับโปรตีนในปัสสาวะ ลดการเกิดภาวะโลหิตจาง และช่วยเพิ่มเอนไซม์ superoxide dismutase (SOD) ซึ่งป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีรายงานว่าการให้ผู้ป่วยที่การทำงานของไตบกพร่องจากการใช้ยา gentamicin รับประทานถั่งเช่า 4.5 กรัม/วัน มีผลทำให้ระบบการทำงานของไตดีขึ้นเป็นปกติ 89 % เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมหลังจากรับประทานถั่งเช่าภายใน 6 วัน


การศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
เป็นการทดลองในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ปรับสมดุลของร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ และกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
ข้อควรระวัง

  1. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ จะไปเสริมฤทธิ์กับยาลดน้ำตาลในเลือด
  2. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
  3. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive) ทั้งนี้เพราะว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน


“ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรสุดฮิตในปัจจุบัน เป็นการใช้ตามสรรพคุณของภูมิปัญญาที่มีมานานกว่าศตวรรษ แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะการศึกษาทางคลินิกยังมีน้อย ฉะนั้นการใช้ถั่งเช่าจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะ ถั่งเช่ามีราคาสูงมาก ทั้งนี้ยังพบว่าในท้องตลาดมีถั่งเช่าหลายระดับคุณภาพมาก ตามภูมิปัญญาของจีนมีการจัดคุณภาพของถั่งเช่าเป็น 3 ระ ดับ ระดับที่ดีที่สุด ความยาวของตัวเห็ดจะเท่ากับความยาวของตัวหนอน (ประมาณ 3-4 เซนติเมตร) ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าสีทองซึ่งเป็นเห็ดสกุลเดียวกับตังถั่งเช่า (Cordyceps) แต่คนละชนิด (species) และมีการกล่าวอ้างว่ามีคุณภาพดีกว่าตังถั่งเช่า ซึ่งจะต้องมีการศึกษาพิสูจน์ต่อไป นอกจากนี้ขนาดบริโภคของผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) ในแต่ละวัน ประมาณ 3-9 กรัม ชงกับน้ำร้อน หรือประกอบอาหาร ขนาดการใช้ที่มากเกินไปอาจจะก่อเกิดผลเสียได้ การใช้ในหญิงมีครรภ์ หญิงในนมบุตร และในเด็ก ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ และห้ามใช้ในคนที่แพ้เห็ด Cordyceps ผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และผู้ป่วยที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ ฉะนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้และควรมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการใช้ถั่งเช่าในการรักษาโรคเพื่อความปลอดภัยและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค

เอกสารอ้างอิง

  1. http://www.naturalstandard.com/
  2. Shashidhar MG, Giridhar P, Udaya Sankar K, Manohar B. Bioactive principles from Cordyceps sinensis: A potent food supplement – A review. J Functional Food 2013;5(3):1013-30.

ที่มา http://www.pharmacy.mahidol.ac.th

 

 

หลักสูตรการเพาะเห็ด

 

เปิดแล้ว การอบรมเพาะเห็ดของปี 66 

 

อบรมแบบ On site ณ ฟาร์มเห็ดเป็นยา

 

 

สอนทุกขั้นตอน พร้อมลงมือปฎิบัติจริง ตั้งแต่การทำแม่เชื้อ การเขี่ยเชื้อ การหยอดเชื้อ

การบ่มเชื้อ การเปิดดอก การดูแลดอก การเก็บเกี่ยว การแปรรูป การบรรจุแคปซูล

 

กรุณา โอนเงินเข้าบัญชี ธ.กสิกรไทย สาขา โลตัส-รังสิตคลอง7

เลขบัญชี 005-1-569377

ชื่อบัญชี บ.เมดดี้ฟาร์ม จำกัด

 

สำหรับท่านที่สนใจ ทำเห็ดเป็นอาชีพเสริม หรือทำเป็นอาชีพจริง สอนทุกขั้นตอน ลงมือทำจริง เน้นปฏิบัติ ทำได้จริง

อบรมที่ ฟาร์มเห็ดเป็นยา

สนใจลงทะเบียน

 

  • หลักสูตร อบรมการเพาะเห็ดถั่งเช่าสีทอง
          เหมาะสำหรับ ผู้สนใจทั่วไป  ผู้ต้องการเพาะเห็ดถั่งเช่าเป็นอาชีพเสริม หรือพัฒนาเป็นอาชีพจริง
สอนทุกขั้นตอน เน้นปฏิบัติ ลงมือทำจริง  ทำได้จริง
สถานที่อบรม  ฟาร์มเห็ดเป็นยา
              
วันที่อบรม  อบรมจำนวน 2 วัน
เวลา          09:00 - 17:00 น.
สิ่งที่จะได้กลับบ้าน 1. เอกสารการเพาะเห็ดถั่งเช่า
                         2. แม่เชื้อเห็ด 1ขวด
                         3. ดอกเห็ดถั่งเช่า 1 โถ
                         4. เชื้อเห็ดที่ท่านทำเอง 1 ขวด
                         5. เชื้อเห็ดในอาหารแข็งที่ท่านทำเอง  1 ขวด
                         6. อาหารกลางวัน/เบรค ฟรี
รับจำนวนจำกัด โอนเงินก่อนมีสิทธิก่อน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Tel : 086-9842565
e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. 
Line :@medyfarm
 

รายละเอียด หลักสูตรการเพาะเห็ดถั่งเช่าสีทอง หลักสูตร 2 วัน

วันแรก การทำเชื้อเห็ด

09:00 - 10:30    อบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเห็ดถั่งเช่าและวงจรชีวิตเห็ดถั่งเช่า

10:30 - 10:45  พักเบรค (ทานน้ำ + ทานกาแฟ + ของว่าง)

10:45 - 12:00    ปฎิบัติการทำอาหารวุ้น PDA และอาหารเลี้ยงเชื้อเห็ดเหลว

12:00 - 13:00    รับประทานอาหารกลางวัน (ฟรี)

13:00 - 14:00    ปฏิบัติการนึ่งอาหารเลี้ยงเชื้อด้วยหม้อนึ่งแรงดัน

14:00 - 15:00    ปฎิบัติการวางขวดอาหารวุ้น และการเทเพลท

15:00 - 16:00   ปฎิบัติการ เขี่ยเชื้อสำหรับทำแม่เชื้อ  การวางเชื้อ การใส่เชื้อ

16:00 - 17:00   ปฎิบัติการทำเชื้อเห็ดแบบเชื้อเหลว

วันที่สอง  การทำอาหารเลี้ยงเห็ด

09:00 - 10:30    อบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการทำอาหารเลี้ยงเห็ด การใส่บ่มเชื้อ การเปิดดอก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยวและแปรรูป

10:30 - 10:45  พักเบรค (ทานน้ำ + ทานกาแฟ + ของว่าง)

10:45 - 12:00    ปฎิบัติการทำอาหารแข็งเลี้ยงเห็ด ทั้งวิธีใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า การใช้ซึ้งนึ้งข้าว และการใช้หม้อนึ่งความดัน

12:00 - 13:00    รับประทานอาหารกลางวัน (ฟรี)

13:00 - 14:00    ปฎิบัติการ  การใส่เชื้อเห็ดแบบเชื้อแข็ง และเชื้อเหลว

14:00 - 15:00    ปฎิบัติการ การเก็บเกี่ยว  การอบแห้ง การแปรรูป  การทำน้ำเอ็นไซม์เห็ด การทำน้ำคอมบูชะถั่งเช่า

15:00 - 16:00    ปฏิบัติการ บดเห็ด การทำแคปซูลเห็ดถั่งเช่า

16:00 - 17:00   เยี่ยมชมโรงเพาะเห็ดถั่งเช่า ระบบ สมาร์ทฟาร์ม มอบใบประกาศ และถ่ายรูปร่วมกัน

 

รายละเอียด หลักสูตรการเพาะเห็ดเป็นยา หลักสูตร 2 วัน

วันที่อบรม  อบรมจำนวน 2 วัน

เวลา          09:00 - 17:00 น.

ค่าอบรม  3,990 บาท (รวม Vat)

ชนิดเห็ดที่อบรมการเพาะ

  • เห็ดยามาบูชิตาเก๊ะ (เห็ดหัวลิง)
  • เห็ดหลินจือ
  • เห็ดนมเสือ
  • เห็ดเยื่อไผ่
  • เห็ดกระดุมบราซิล
  • เห็ดกระถินพิมาน

วันแรก การทำเชื้อเห็ด และอาหารเลี้ยงเห็ด

09:00 - 10:30    อบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเห็ดที่มีฤทธิ์ทางยา มีเห็ดหัวลิง  เห็ดหลินจือ  เห็ดนมเสือ เห็ดเยื่อไผ่ เห็ดกระดุมบราซิล เห็ดกระถินพิมาน

10:30 - 10:45  พักเบรค (ทานน้ำ + ทานกาแฟ + ของว่าง)

10:45 - 12:00    ปฎิบัติการทำอาหารวุ้น PDA และอาหารเลี้ยงเชื้อเห็ดเหลว

12:00 - 13:00    รับประทานอาหารกลางวัน (ฟรี)

13:00 - 14:00    ปฏิบัติการนึ่งอาหารเลี้ยงเชื้อด้วยหม้อนึ่งแรงดัน

14:00 - 15:00    ปฎิบัติการวางขวดอาหารวุ้น และการเทเพลท

15:00 - 16:00   ปฎิบัติการ เขี่ยเชื้อสำหรับทำแม่เชื้อ  การวางเชื้อ การใส่เชื้อ

16:00 - 17:00   ปฎิบัติการทำผสมทำก้อนขี้เลื่อย

วันที่สอง  การเลี้ยงเห็ด การแปรรูป การสกัด

09:00 - 10:30    อบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเลี้ยงเห็ด การแปรรูปเห็ดเป็นยา การสกัดสารทางยา การหมัก การดองเหล้า

10:30 - 10:45  พักเบรค (ทานน้ำ + ทานกาแฟ + ของว่าง)

10:45 - 12:00    ปฎิบัติการทำอาหารแข็งเลี้ยงเห็ด  การใช้ซึ้งนึ้งข้าว และการใช้หม้อนึ่งความดัน

12:00 - 13:00    รับประทานอาหารกลางวัน (ฟรี)

13:00 - 14:00    ปฎิบัติการ  การใส่เชื้อเห็ดแบบเชื้อแข็ง เชื้อข้าวฟ่าง และเชื้อเหลว

14:00 - 15:00    ปฎิบัติการ การเก็บเกี่ยว  การอบแห้ง การแปรรูป  การทำน้ำเอ็นไซม์เห็ด การทำน้ำคอมบูชะถั่งเช่า การดองเหล้า

15:00 - 16:00    ปฏิบัติการ บดเห็ด การทำแคปซูลเห็ด

16:00 - 17:00   เยี่ยมชมโรงเพาะเห็ดถั่งเช่า ระบบ สมาร์ทฟาร์ม มอบใบประกาศ และถ่ายรูปร่วมกัน

 

ผลของการใช้เห็ดเป็นยา

- ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

- มีสารต้านอนุมูลอิสระ

- ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้

- มีสารต่อต้านมะเร็ง

- ช่วยป้องกันโรคตับแข็ง

- ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน

- ช่วยป้องกันการแข็งตัวของผนังเส้นเลือด

- ช่วยลดคลอเรสเตอรอล

- ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรม

- ลดอาการและผลค้างเคียงจากการทำคีโมและการฉายแสง

สารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางยาในเห็ด

1. Polysaccharides สารโพลีแชคคาไรด์ เป็นสารที่มีโมเลกุลของน้ำตาลที่มาจับกับเป็นโซ่ยาว เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น

2.Triterpenes สารไตรเตอร์ปินส์ เป็นสารที่ทำให้เห็ดมีรสขม ซึ่งเป็นสารต้านความดันสูง

3. Sterol สารสเตอรอล เป็นสารต้านการอักเสบจากธรรมชาติ

4.Lentinan สารเเลนติแนน เป็นสารช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ อีกทั้งยังช่วยควบคุมคลอเรสเตอรัลในเลือดได้อีกด้วย

5.Eritadenine สารอิริทาดีนีน เป็นสารช่วยควบคุมระดับคลอเลสเตอรอล ในเลือด

6. Adenosine Triphosphate  สารอะดีโนซินไตรฟอสเฟต ช่วยปรับสมดุลย์ในร่างกาย ให้ทำงานเป็นปกติ

การใช้เห็ดบำบัดโรคต่าง ๆ

  •  โรคภูมิแพ้ (แพ้ฝุ่น แพ้ละอองหญ้า) ใช้เห็ดหลินจือ ที่สกัดให้มีสารไตเตอร์ปีนส์สูง ๆ  ซึ่งจะมีสารต้าน Hitamine  รับประทานวันละ 1 - 3 กรัม
  • โรคอัลไซเมอร์  ใช้ดอกของเห็ดหัวลิง ผสมกับสารสกัดของเห็ดหลินจือ รับประทานวันละ 3 กรัม
  • โรคหอบหืด  ใช้เห็ดถั่งเช่าทิเบตที่เพาะในเมล็ดธัญพืชเพื่อเอาเส้นใย ผสมกับเห็ดหลินจือสกัดที่มีสารไตเตอร์ปีนส์สูง ๆ รับประทานวันละ 1 - 3 กรัม
  • โรคต่อมลูกหมากโต  ใช้เห็ดหลินจือสกัด รับประทานวันละ 1 - 3 กรัม หรือ เห็ดกระถินพิมานสกัด 1 - 3 กรัม
  • โรคติดเชื้อรา ใช้เห็ดได้หลายตัวที่สกัดโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น เห็ดหางไก่งวง , เห็ดหอม  รับประทานวันละ 2 - 3 กรัม
  • โรคหลอดเลือดหัวใจ ใช้สารสกัดของเห็ดหลินจือ หรือสารสกัดของเห็ดหูหนู  รับประทานวันละ 1 - 3 กรัม หรือจะใช้สารสกัดของเห็ดหลินจือผสมกับสารสกัดของเห็ดถั่งเช่า หรือจะใช้สารสกัดของเห็ดถั่งเช่าที่มีสารคอร์ไดเซปิดสูงๆ
  • โรคสมองเสื่อม  ใช้ดอกเห็ดหัวลิงแบบแห้ง รับประทานวันละ3-5 กรัม
  • โรคความดันต่ำ ใช้ดอกเห็ดหัวลิงแบบแห้ง 3-5 กรัมต่อวัน หรือให้เห็ดหัวลิงสกัด 2-3 กรัมต่อวัน หรือใช้สปอร์เห็ดหลินจือที่กระเทาะเปลือกแล้ว 2 - 5 กรัมต่อวัน
  • โรคเบาหวาน ใช้เห็ดถั่งเช่าสกัด 3 - 5 กรัมต่อวัน.
  • โรคไขมันเกาะตับ  ให้เห็ดถั่งเช่าสกัด ผสมกับ เห็ดหลินจือสกัด รับประทานวันละ 1 - 3 กรัม

           จากความสนใจที่จะเพาะเห็ดเป็นอาชีพเสริม โดยเริ่มจากการศึกษาจากหนังสือ และอ่านจากอินเตอร์เน็ต ก็เริ่มไปร่วมเข้าฝึกอบรมจากที่ต่าง ๆ ที่เปิดสอนการเพาะเห็ด และเริ่มซื้อก้อนมาทดลองเพาะเห็ดอยู่ที่บ้านเพื่อศีกษาวงจรชีวิตของเห็ดแต่ละชนิด แต่ที่สนใจมากคือด้านเห็ดเป็นยา เมื่อได้ศึกษาด้านเห็ดเป็นยาแล้วพบว่า เห็ดเป็นยานั้น มีสรรพคุณอันน่ามหัศจรรย์มากมายในการรักษาโรคร้ายต่าง ๆ ที่การแพทย์แผนปัจจุบันรักษายังไม่ได้ ประกอบกับที่ตัวเองป่วยเป็นกรดไหลย้อน ซึ่งทรมานมาก ไปรักษาตัวอยู่หลายโรงพยาบาลก็ไม่หาย หมดเงิน หมดทอง เสียเวลา ไปมากมาย แต่มาใช้วิธีรักษาด้วยเห็ดเป็นยาเพียงสัปดาห์เดียวก็อาการดีขึ้นมาก  จนปัจจุบันหายเป็นปกติ ช่วงที่ป่วยอยู่นั้นทรมานมาก เมื่อเรากินอาหารไปแล้ว อาหารจะไม่ย่อย มีอาการท้องอืด แม้จะกินอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เวลานอน ก็นอนไม่ค่อยหลับ จะมีอาการตรึงบ่า ตรึงใหล่ เนื่องจากอาหารไม่ย่อย ทำให้เกิดการหมักหมมอยู่ในกระเพาะอาหาร เกิดลม เกิดแก๊สอยู่ในกระเพาะ แล้วลมพวกนี้ก็จะไปดันตามเส้นต่าง ๆ ให้ตรึงไปหมด เวลานอนก็นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับแล้ว ก็หลับไม่สนิท ตื่นเช้ามาก็รู้สึกว่ายังนอนไม่เต็มอิ่มถึงแม้จะนอนตั้งแต่หัวค่ำก็ตาม เมื่อนอนไม่อิ่ม จะก็รู้สีกเวียนศรีษะ สมองไม่แล่น คิดอะไรก็ไม่ค่อยออก ช่วงที่มีอาการกรดใหลย้อนมาก ก็จะมีอาการแสบที่คอ เนื่องจากมีกรดใหลย้อนมาที่คอระหว่างที่เรานอน หลังจากนั้นก็จะมีอาการคอแดงและก็เป็นคออักเสบในที่สุด การรักษานั้นจะต้องฉีดยาเท่านั้น หมอจะให้ยาแก้อักเสบมากินอย่างเดียวก็ไม่หาย ซึ่งคุณหมอก็ได้จัดยาแก้อักเสบที่แรงที่สุดที่โรงพยาบาลมีแล้วก็ตาม เมื่อหายแล้วก็จะอยู่ได้เพี่ยง 2 สัปดาห์ก็จะเป็นอีกเพราะหมดฤทธิ์ยา แต่กรดก็ขึ้นมาที่คอเหมือนเดิม ซึ่งหากปล่อยไว้อย่างนี้มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งแน่นอน จึงพยายามหาวิธีการต่าง ๆ มารักษาให้หาย
หลังจากได้ทดลองเพาะเห็ดมาสักพัก มีประสบการณ์มากขึ้น จึงได้เริ่มขยายการเพาะเห็ดมาเปิดเป็นฟาร์มที่คลอง 13 ลำลูกกา  โดยเริ่มจากการเพาะเห็ดทั่วๆ ไปก่อน เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็ดแครง เห็ดขอน เพื่อขายดอกเห็ดให้มีรายได้ไปก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มเพาะเห็ดเป็นยา เช่นเห็ดหลินจือ เห็ดถั่งเช่าสีทอง เห็ดถั่งเช่าหิมะ เห็ดกระถินพิมาน เห็ดหางไก่งวง เห็ดไมตาเกะ เห็ดยามาบูชิตาเกะ เห็ดกระดุมบราซิล เห็ดการบูร 

แต่การที่จะใช้เห็ดเป็นยารักษาคนนั้น ยังลำบากเพราะเห็ดบางตัวทาง อย. ยังไม่มีข้อมูลและไม่มีรายชื่อในสารระบบ จึงจด อย.ไม่ได้ไม่ว่าจะจดเป็นอาหารเสริมหรือยาก็ตาม ดังนั้นหากจะให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะมีแพทย์กลุ่มหนึ่งที่สามารถใช้ได้คือ กลุ่มแพทย์แผนไทย ที่สามารถปรุงยาได้เอง แต่จะต้องมีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะด้วยจึงจะถูกต้อง ดังนั้น จึงได้ไปเข้าเรียนด้านแพทย์แผนไทย ของ โรงเรียน ภัทรเวชสยาม เพื่อเรียนด้านการใช้สมุนไพรและจะประยุกต์การใช้เห็ดเป็นยา ร่วมกับการแพทย์แผนไทย ในการรักษาโรค

เป็นนักศึกษาแพทย์แผนไทย ของโรงเรียนภัทธรเวชสยาม

ไปศึกษาดูงานเพาะเห็ดกับสมาคมนักวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย ที่ประเทศไต้หวัน

ไปร่วมงานการประชุมเห็ดเป็นยานานาชาติ (The 7th International medicinal mushroom Conference) ที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

หน้าที่ 1 จาก 2

Copyright ©2021. All Rights Reserved.